วางแผนจัดงานแต่งงาน บ่าว-สาวต้องทำอะไรบ้าง

หลังจากที่ว่าที่เจ้าบ่าว ได้ขอว่าที่เจ้าสาวแต่งงาน และพูดคุยกับผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายแล้ว การวางแผนเตรียมงานแต่งงานจึงได้เริ่มต้นขึ้น และจุดนี้เองที่บ่าว-สาวอาจเกิดความสับสนในรายละเอียดที่มีมากมาย จนไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน และเกิดความกังวลว่าจะเตรียมงานทันวัน และเวลาที่ได้ฤกษ์มาหรือไม่ อิมแพ็ค เวดดิ้ง จะมาช่วยคู่รักวางแผนจัดงานแต่งงานไปทีละขั้นตอน

1.ดูฤกษ์ และกำหนดวันแต่งงาน

ส่วนใหญ่หลายคู่จะแต่งงานกันช่วงปลายปี หากฤกษ์ของบ่าว-สาวตรงกับช่วงนั้น จะต้องรีบจองสถานที่ล่วงหน้า 6-10 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ได้สถานที่ที่ตรงใจมากที่สุด ดูฤกษ์ปี 65

2.ตกลงเรื่องงบประมาน และ สินสอด

ก่อนที่ฝ่ายชายจะขอฝ่ายเจ้าสาวแต่งงาน  สิ่งที่สำคัญมากๆ และขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ เรื่องสินสอดในพิธีหมั้น ควรตกลงกันให้เรียบร้อยระหว่างสองครอบครัวเรื่องจำนวนสินสอดงานหมั้น ต่อมาคือการตั้งงบประมานที่จะใช้จัดงานแต่งงาน เพื่อที่จะได้ควบคุมการใช้จ่ายให้ไม่มีปัญหาในภายหลัง หรือต้องหยิบยืมเพื่อมาจัดงานแต่งงาน โดยการตั้งงบประมาณอาจสอบถามจากบ่าว-สาวที่มีประสบการณ์ หาข้อมูลจากอินเตอร์เนท หรือเริ่มต้นจากการหาสถานที่ที่เหมาะสมก่อน

3.เตรียมหาสถานที่จัดงาน และธีมงานแต่ง

งานแต่งงานเป็นวันที่พิเศษเพียงครั้งเดียวในชีวิต ดังนั้นเรื่องความประทับใจ และประสบการณ์ดีๆ จึงเป็นเรื่องที่บ่าว-สาวควรให้ความสำคัญมากๆ

3.1 สถานที่แต่งงาน: ควรเป็นสถานที่ที่ถูกใจทั้งบ่าว-สาว และสะดวกกับแขกผู้ร่วมงาน โดยการเลือกสถานที่ ควรคำนึงถึงความชอบส่วนตัว 50% และความสบายใจของแขก และครอบครัวอีก 50% ความสบายใจนี้อาจหมายรวมถึงความสะดวกสบายในการเดินทางมายังสถานที่จัดงาน ที่จอดรถเพียงพอ ระยะทางจากที่จอดรถมายังห้องจัดเลี้ยง เป็นต้น

3.2 อาหาร: บ่าว-สาว อาจไม่ได้เป็นคนรับประทานอาหารในงาน หากแต่เป็นแขกที่มาร่วมงาน ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงแขกเป็นหลัก อาทิ หากแขกส่วนมากเป็นผู้ใหญ่ ควรเลือกแบบโต๊ะจีน หรือหากแขกส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆ ควรเลือกแบบค็อกเทล เป็นต้น

3.3 Theme งานแต่งงาน: เลือกธีมงานแต่งงานที่บ่งบอกถึงตัวตนของคู่บ่าว-สาวให้ได้มากที่สุด เพราะภาพความประทับใจในงานทั้งหมด จะถูกบันทึกไว้ให้ทั้งสองคนเก็บไว้ชื่นชมตลอดไป

3.4 ของชำร่วยแต่งงาน: ควรคำนึงถึงจำนวนแขก และงบประมาณเป็นหลัก หากแขกมีจำนวนมาก แต่งบน้อย ก็ควรเลือกของชำร่วยที่ดูดี แต่ราคาไม่สูงมาก และควรเผื่อของชำร่วยไว้อีก 20% สำหรับแขกที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้

3.5 ช่างภาพในงาน: หากบ่าว-สาวใช้บริการถ่ายภาพ Pre Wedding กับสตูดิโอใด ก็สามารถถามถึงบริการถ่ายภาพในงานแต่งงานได้เช่นเดียวกัน เพื่อที่จะไม่ต้องประสานงานกับหลายคนจนเกิดความสับสน แต่หากบ่าว-สาวต้องการระบุช่างภาพเป็นพิเศษ ก็ควรรีบติดต่อไว้ตั้งแต่รู้วันจัดงาน และสถานที่ เพื่อจองช่างภาพคนนั้นไว้ก่อน

4. Pre Wedding

ลองนึกภาพงานแต่งงาน ที่ไม่มีภาพบ่าว-สาวเลยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เอง การถ่ายภาพ Pre Wedding จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม บางคู่อาจจะถ่ายภาพในสตูดิโอ บางคู่อาจจะถ่ายภาพนอกสถานที่ เพื่อบันทึกความทรงจำในสถานที่ที่บ่าว-สาวได้พบ หรือได้ใช้เวลาร่วมกันมา และภาพถ่ายทั้งหมดนี้ อาจใช้ประดับเรือนหอ และเก็บไว้ให้ลูกหลานได้เชยชมในอนาคต

 5.จัดหาคนดำเนินงานเรื่อง พิธีหมั้น แห่ขันหมากและ ยกน้ำชา

เมื่อเข้าสู่พิธีหมั้นหมายซึ่งเป็นพิธีที่บ่าว-สาวส่วนมากไม่รู้รายละเอียดในพิธี ดังนั้น จึงควรหาผู้รู้ประเพณีในการช่วยตระเตรียมของแห่ขันหมาก มาเป็นพิธีกรที่ช่วยสร้างบรรยากาศ และอารมณ์ร่วมในระหว่างพิธีให้ลื่นไหลรื่นไหล และไม่มีอุปสรรค ทั้งนี้ หากคู่บ่าว-สาวมีครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ หรือคนใกล้ชิดที่มีประสบการณ์ในเรื่องงานพิธีหมั้นหมาย ก็จะช่วยให้ประหยัดงบในการจ้างทีมมาคอยช่วยเหลือในเรื่องนี้ หรือหาสถานที่จัดงานที่มีทีมงานที่มีความรู้ และประสบการณ์คอยให้ความช่วยเหลือ

 6.แจกการ์ดเชิญ

งานแต่งงานจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีสักขีพยานรักในงาน การแจกการ์ดแต่งงานจึงเป็นธรรมเนียมที่สำคัญ และถือเป็นการให้เกียรติกับแขกที่มาร่วมงานอีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะออกแบบการ์ดให้ล้อไปกับธีมงาน เพื่อให้แขกได้เตรียมตัว และเตรียมชุดออกงานให้ตรงกับที่คู่บ่าว-สาวต้องการ นอกจากนี้ การเชิญแขกยังเป็นการสร้างมิตรภาพให้กับคนที่ได้รับเชิญ จะมีการนัดทานข้าว นัดสังสรรค์ ถือเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่มีความสุขตั้งแต่ก่อนงานแต่งงาน

7.ดูแลร่างกาย และผิวพรรณ

บ่าว-สาวหลายคู่ อาจไม่เห็นถึงความสำคัญในข้อนี้ แต่ลองนึกภาพในงานแต่งงานที่บ่าว-สาวเป็นจุดสนใจของคนทั้งงาน เจ้าสาวควรจะเป็นผู้หญิงที่สวยสะดุดตาที่สุดในวันนั้น เจ้าบ่าวก็เช่นกัน ดังนั้น การดูแลร่างกาย และผิวพรรณด้วยการเข้าสปา หรือฟิตเนส ก็ถือเป็นการเตรียมตัวที่ได้ผลดีกับทั้งคู่ในระยะยาว

 8.เลือกชุดแต่งงาน

เลือกชุดตามความชอบ และความเหมาะสมกับงานแต่งงาน รวมถึงงบประมาณด้วยเช่นกัน โดยทั่วไปแล้ว ชุดแต่งงานของบ่าว-สาว จะมี 2 ชุด คือ ชุดสำหรับพิธีหมั้นหมาย และชุดสำหรับงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส สำหรับชุดในพิธีหมั้นหมาย หากเป็นพิธีไทย บ่าว-สาวควรสวมใส่ชุดไทย แต่หากเป็นพิธียกน้ำชา ก็ควรสวมใส่ชุดที่เหมาะสมกับพิธี อาจจะเป็นชุดสีชมพู สีแดง หรือชุดกี่เพ้าสมัยใหม่ เป็นต้น การเลือกซื้อ หรือเช่าชุดแต่งงาน จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ

8.1 แบบซื้อขาด: เหมาะสำหรับบ่าว-สาวที่มีงบประมาณมาก ต้องการออกแบบชุดตามที่ต้องการ และต้องการเก็บชุดไว้เป็นที่ระลึก ไม่ต้องส่งคืนร้าน

8.2 แบบเช่าตัด: เป็นที่นิยมมาก เนื่องจากบ่าว-สาว-สามารถออกแบบชุดตามที่ตัวเองต้องการได้ และตัดชุดตามรูปร่างของตัวเอง แต่เมื่อผ่านพ้นพิธีไปแล้ว จะต้องนำมาคืนให้กับร้าน

8.3 แบบเช่าคืน: เหมาะสำหรับบ่าว-สาวที่ต้องการประหยัดงบประมาณ สามารถเช่าชุดจากที่ร้าน และนำมาคืนหลังงานแต่งงาน โดยจะไม่สามารถแก้แบบของชุดได้

 

รายละเอียดเพิ่มเติม : www.facebook.com/IMPACTWedding

ติดต่อเรา :👉🏻 คลิก👈🏻

 

 

 

 

 

TAGS:
วางแผนแต่งงาน | งานแต่งงาน | การ์ดแต่งงาน | คลิปแต่งงาน | รีวิวงานแต่งงาน
รวมไอเดียจัดงานแต่งงาน | ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว | ชุดเพื่อนเจ้าสาว | เพื่อนเจ้าสาว | เพื่อนเจ้าบ่าว
ชุดเจ้าสาว | ชุดเจ้าบ่าว | พิธีแต่งงาน | พิธีแต่งงานไทย | พิธีหมั้น | พิธีแต่งงานจีน
ขั้นตอนแต่งงาน | ซุ้มแต่งงาน | Backdrop | ฤกษ์แต่งงาน | ขันหมาก | รีวิวงานแต่งงาน
FOLLOW US:
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

CONTACT

IMPACT Exhibition Management Co., Ltd.
     บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด
     10th Fl., Bangkok Land Building 47/569-576 Popular 3 Road, Banmai Sub-district
     Nonthaburi, Thailand 11120 GREATER BANGKOK,THAILAND
02-833-5252
www.impactwedding.com
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.