ใส่ซองแต่งงาน ใส่เท่าไหร่ไม่น่าเกลียด
งานแต่งที่ใด เป็นได้แค่แขกรับเชิญ… ปัญหากวนใจของแขกมือใหม่ที่เพิ่งได้ซอง คือไม่รู้ว่าต้องใส่ซองแต่งงานเท่าไหร่ ถึงจะดูเหมาะสม และไม่น่าเกลียด เพราะการใส่ซองแต่งงานไม่เพียงแต่นั่งคิดคำนวณตัวเลขกลมๆ โทรถามเพื่อนคนอื่นๆ แต่ควรดูปัจจัยอื่นๆประกอบกันไปด้วย เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของงานกับตัวคุณเอง
ปัจจัยพื้นฐานสำหรับใส่ซองแต่งงานจะแตกต่างกันไปตามสถานที่จัดงาน และรูปแบบงานแต่งแต่ละงาน อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับรายได้ของตัวคุณเอง ความสนิทสนมกับเจ้าของงาน อายุ หน้าที่การงาน และการไปร่วมงานแต่ง ซึ่งทางอิมแพ็ค เวดดิ้งได้แบ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงสำหรับการใส่ซองแต่งงาน 6 ข้อ ดังนี้
- สถานะทางการเงินของคุณ หรือ ความมั่นคั่งของตัวเอง
สิ่งแรกที่จะต้องคำนึงถึงคือ เงินเดือนหรือรายได้ของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก กำหนดขอบเขตของจำนวนเงินที่คุณจะใส่ซองแต่งงาน ไม่ควรเกรงใจใส่ซองแต่งงานเยอะเกินไปจนทำให้ตัวเองลำบาก ทางแพรว Wedding มีการแชร์สูตรการคำนวณจำนวนเงินสำหรับใส่ซองแต่งงานดังนี้
เงินใส่ซองแต่งงานควรอยู่ที่ 2 – 5% ของรายได้ โดยคิดจากเงินที่คุณเหลือใช้ในแต่ละเดือนว่ามากหรือน้อย
ถ้าเดือนนี้มีมากหน่อยอาจใส่ไปเลย 5% หรือเดือนนี้ค่าใช้จ่ายเยอะเป็นพิเศษใส่แค่ 2% ก็พอ แล้วกดเครื่องคิดเลขเอาง่ายๆ ได้ตัวเลขออกมาแล้วจะเพิ่มหรือลดให้ดูตามปัจจัยอื่นๆ ประกอบกัน
- ความสำคัญของบุคคลนั้นที่เราไปร่วมงาน
คุณต้องพิจารณาทั้งความสนิท และสถานภาพทางสังคม ระหว่างคุณและเจ้าของงาน
ถ้าหากบ่าวสาวเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทกันมากๆก็ควรใส่ซองมากขึ้นตามความสนิท เพื่อแสดงการสนับสนุนและช่วยเหลือเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นการแสดงน้ำใจที่มีต่อกัน เช่น จากการประมาณตัวเลขคร่าวๆจากข้อ 1 พบว่า คุณควรใส่ซองแต่งงานให้เจ้าของงานประมาณ 1,000 บาท ดังนั้นหากเจ้าของงานที่เชิญคุณไปเป็นญาติหรือเพื่อนสนิทคุณก็ใส่เพิ่มเป็น1,500 - 2,000 บาท ถ้าหากเป็นเพื่อนห่างๆไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่สนิท หรือไม่ได้มีการติดต่อเชิงธุรกิจใดๆก็สามารถใส่ซองแต่งงาน 500 บาทเป็นต้น
Tip: ในธรรมเนียมไทยสมัยก่อนจะมีการใส่ซองคืน กล่าวคือหากเจ้าของงานเคยใส่ซองงานสำคัญของเราเท่าไหร่ อย่างน้อยๆก็ต้องใส่คืนไป ให้เท่ากันหรือมากกว่าเท่าหนึ่ง เพื่อแสดงถึงการให้เกียรติ และแสดงความมีน้ำใจต่อกัน
- สถานที่และรูปแบบการจัดงานแต่ง
เมื่อคุณได้รับการ์ดเชิญแล้ว คุณต้องดูว่าสถานที่จัดงานแต่งงานเป็นแบบไหน และเจ้าของงานเขาจัดเลี้ยงอย่างไร ถ้าคุณยังไม่เคยมีประสบการณ์ไปงานแต่งงานที่นั้นๆ อาจจะลองค้นหาราคาค่าอาหารต่อหัวของสถานที่จัดงานนั้นๆดูก่อนก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นหากเพื่อนของคุณจัดงานแต่งงานที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี คุณสามารถเข้าไปดูเรทราคาค่าอาหารจัดเลี้ยงได้ที่เว็บไซต์อิมแพ็ค เวดดิ้ง ในปี 2024 ราคาค่าอาหารจัดเลี้ยงจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท ดังนั้นจึงควรใส่ซองแต่งงานมากกว่าเพื่อไม่ให้น่าเกลียด
- อายุและหน้าที่การงาน
สำหรับใครที่อายุหรือตำแหน่งหน้าที่การงานน้อยกว่าเจ้าของงาน การจะใส่ซองแต่งงานน้อยหน่อยก็คงไม่แปลกอะไร แต่สำหรับคนที่อายุไล่เลี่ยกันหรือมากกว่า อีกทั้งหน้าที่การงานที่ตำแหน่งสูงกว่า ควรใส่ซองให้มากขึ้นตามมารยาทและความเหมาะสม
ตัวอย่างระดับอายุและตำแหน่งหน้าที่การงาน
วัยรุ่น หรือ เพิ่งเริ่มทำงาน : แนะนำให้ใส่ซองแต่งงานประมาณ 500 - 1,000 บาท ขึ้นไป
วัยผู้ใหญ่ตอนต้น หรือ ผ่านชีวิตการงานมาระยะ : แนะนำให้ใส่ซองแต่งงานประมาณ 1,000 – -3,000 บาท ขึ้นไป
วัยผู้ใหญ่ตอนกลาง หรือ มีความมั่นคง/ความสำเร็จในชีวิต : แนะนำให้ใส่ซองแต่งงานประมาณ 3,000 – 5,000 บาท ขึ้นไป
แขกผู้ใหญ่ระดับ VIP : แนะนำให้ใส่ซองแต่งงานประมาณ 10,000-20,000 บาท ขึ้นไป
- จำนวนคนที่ติดตามเราไปร่วมงาน
ข้อนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หลายคนมองข้าม หากคุณไม่ได้ไปคนเดียว เช่นอาจมีแฟนหรือลูกตามไปด้วยอีกหนึ่งคน แบบนี้ควรต้องเพิ่มเงินให้มากขึ้นจากจำนวนที่ตั้งใจใส่ซองแต่งงานไปตอนแรก หรือคิดง่ายๆ คือ นำตัวเลขนั้นคูณสองไปเลย
- จะไปร่วมงาน หรือแค่ฝากซอง
หลายครั้งที่ได้รับเชิญไปงานแต่งงานแต่ไม่สะดวกไปร่วมงาน แนะนำให้แสดงความยินดีผ่านทางโทรศัพท์หรือโซเชียลมีเดีย แล้วใช้วิธีการฝากซองแต่งงานไปกับเพื่อนคนอื่นๆ ในกรณีนี้คุณสามารถลดจำนวนเงินใส่ซองลงได้
หวังว่าบทความการใส่ซองแต่งงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย และบทความนี้เป็นเพียงคำแนะนำวิธีการคำนวณการใส่ซองแต่งงาน และไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เนื่องจากทุกคนมีปัจจัยพื้นฐานที่แตกต่างกัน ดังนั้นทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนจำนวนเงิรสำหรับใส่ซองแต่งงานได้ตามความเหมาะสม
หากคู่รักท่านใดกำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งงาน ที่ใส่ใจในรายละเอียด และมีทีมงานบริการครบวงจร แบบไม่ต้องใช้ออแกไนเซอร์ ติดต่อสอบถามที่ Impact Wedding ได้เลย ที่ 02 833 5252 หรือ Facebook Page: Impact Wedding
ติดต่อเรา :👉🏻 คลิก👈🏻